มาทำความรู้จักกับยาต้านไวรัส HIV

เป้าหมายในการรักษาด้วยยาต้านไวรัส HIV คือ การควบคุมจำนวนเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายให้มีจำนวนน้อยที่สุด และนานที่สุด เป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือ ซีดี4 ขึ้นมาใหม่ จนอยู่ในระดับปกติ เพื่อให้ ซีดี4 ได้ทำหน้าที่ในการกำจัดและควบคุมเชื้อโรคต่าง ๆ เหมือนปกติ ซึ่งเป็นการป้องกันการป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส

หัวใจสำคัญของการรักษาด้วยยาต้านไวรัส HIV

      1.   ยาต้านไวรัส HIV ไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อ HIV ไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดไปจากร่างกายได้ ดังนั้น จึงต้องกินยาให้ตรงเวลาและต่อเนื่อง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เชื้อดื้อยาได้ง่าย และสามารถควบคุมเชื้อเอชไอวีไว้ได้ตลอดเวลา

2.  ยาต้านไวรัส HIV ไม่ได้ทำหน้าที่โดยตรงในการป้องกันและรักษาโรคฉวยโอกาส ถ้าผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาต้านฯยังมี ซีดี4 ต่ำกว่า 200 หรือป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส การได้รับการป้องกันและรักษาโรคฉวยโอกาสเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

3.  ยาต้านไวรัส HIV มีด้วยกันหลายสูตร ยาสูตรเดียวกันให้ผลการรักษาต่างกันไป และการรักษาด้วยยาต้านฯ ไม่ทำให้เห็นผลในทันที หรืออาจมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้นถ้าเริ่มการรักษาด้วยยาต้านฯ แล้วไม่ได้ผลในบางราย อาจต้องมีการเปลี่ยนสูตรยาต้านฯ ใหม่ที่จะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่า

ยาต้านไวรัส HIV มีกี่ชนิด

ปัจจุบันมียาต้านไวรัส HIV อยู่มากว่า 20 ชนิด โดยแต่ละชนิดทำหน้าที่ในการขัดขวางกระบวนการการเพิ่มจำนวนของไวรัสในแต่ละขั้นตอนแตกต่างกันไป สามารถจัดเป็นกลุ่มได้ดังนี้

· กลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ เช่น AZT, DDI,d4T, 3TC, Abacavir, Tenofovir หรือ TDF
· กลุ่ม เอ็นอาร์ทีไอ เช่น Neviapine หรือ NVP, Efavirenz หรือ EFV
· กลุ่ม พีไอ เช่น ยาที่ชื่อ Saquinavir หรือ SQV, Indinavir หรือ IDV, Ritonavir หรือ RTV, Nelfinavir หรือ NFV, Lopinavir หรือ LPV, Kaletra sinv LPV/r เป็นยารวมเม็ดของ LPV+RTV

“ยาแต่ละตัวเป็นยาที่ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขและอยู่ในรายการยาเพื่อการรักษาขององค์การอนามัยโลก ไม่ใช่ยาทดลอง”

ปัจจุบันประเทศไทย โดยองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตยาต้านไวรัส HIV หลายชนิดได้เอง เช่น AZT, DDI ชนิดผง, D4T, 3TC, Nevirapine รวมถึงผลิตในรูปแบบของการนำยา 3 ชนิดมารวมในเม็ดเดียวคือ D4T, 3TC, Nevirapine รวมกันเป็น GPO-virS และ AZT, 3TC, Nevirapine รวมกันเป็น GPO-virZ โดยยาเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพการผลิต และประสิทธิภาพของยาว่าไม่ต่างจากยาต้นกำเนิดจากต่างประเทศ ที่สำคัญคือ การที่องค์การเภสัชกรรมผลิตได้เองทำให้ยามีราคาถูกลงมาก จึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ที่จะได้รับยาต้านไวรัส HIV ในราคาที่เข้าถึงได้อย่างไม่ลำบาก และสามารถทำให้มีชีิวิตได้ยืนยาวไปอีกหลายสิบปี


0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

บทความสุขภาพที่เีกี่ยวข้อง