การพิสูจน์ทราบชนิดของสเต็มเซลล์จากร่างกาย

สเต็มเซลล์จากร่างกาย หรือที่เรียกว่า adult stem cells พบ ได้ในอวัยวะและเนื้อเยื่อหลายชนิด และพบในปริมาณที่ไม่มากนัก นักวิทยาศาสตร์พบว่าสเต็มเซลล์เหล่านั้นอยู่ในเนื้อเยื่อโดยยังไม่แบ่งตัว แต่อย่างใดเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งสเต็มเซลล์เหล่านั้นถูกกระตุ้นโดยภาวะโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้น หรือบางครั้งถูกกระตุ้นโดยภยันตรายต่อเนื้อเยื่อซึ่งเป็นปฏิกิริยาระดับ เซลล์ ปัจจุบันพบว่า อวัยวะที่มีสเต็มเซลล์อยู่ภายใน ได้แก่ สมอง ไขกระดูก เลือด หลอดเลือด กล้ามเนื้อลาย ผิวหนัง และตับ
นัก วิทยาศาสตร์ได้พยายามเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากร่างกายในห้องปฏิบัติการโดย มุ่งหวังที่จะให้สเต็มเซลล์เหล่านั้นเจริญเติบโตเพื่อสร้างเซลล์ที่ทำ หน้าที่เฉพาะเจาะจง และสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้ ตัวอย่างเช่น การเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดทำหน้าที่สร้างสารโดปามีนในสมองเพื่อรักษาโรคพา ร์กินสัน การเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลินเพื่อรักษาโรคเบาหวานชนิดพี่งอินซูลิน การเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อซ่อมแซม เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจภายหลังภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
แนว ทางการพิสูจน์ทราบชนิดของสเต็มเซลล์จากร่างกาย ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด แต่หลักการที่ใช้กันทั่วไปมีสองสามประการดังต่อไปนี้
  • วิธีแรก ใช้การติดฉลากเซลล์ในเนื่อเยื่อของสิ่งมีชีวิตด้วยโปรตีนโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถระบุได้ว่าเซลล์นั้นจะพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดใด
  • วิธีที่สอง นำ เซลล์ออกมาก่อนแล้วทำการเพาะเลี้ยงเซลล์ต่อไป หลังจากนั้นนำกลับไปปลูกถ่ายเข้าไปในสัตว์ทดลองอีกตัวหนึ่ง เพื่อดูว่าเซลล์นั้นจะพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดใด
  • วิธีที่สาม ทำ การแยกเซลล์ก่อนแล้วเพาะเลี้ยงในห้องปฎิบัติการ เติมสารกระตุ้นซึ่งอาจจะเป็น growth factors หรือสอดใส่ยีนใหม่เข้าไปในเซลล์ จะทำให้ทราบว่าเซลล์นั้นดิฟเฟอเรนชิเอทอย่างไรต่อไป
หลักสำคัญที่เกิดขึ้นในขบวนการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการ คือ การที่สเต็มเซลล์จากร่างกายเริ่มต้นที่เซลล์เดียวจะสามารถแบ่งตัวและดิฟเฟอ เรนชิเอทไปเป็นกลุ่มเซลล์ที่เหมือนๆกัน เรียกว่ากลุ่มเซลล์ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เหมือนกันเหล่านี้ว่า "โคลน" (clone) ซึ่งเมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถผลิตโคลนของเนื่อเยื่อที่ต้องการได้ ก็จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทดลองและศึกษาวิจัยเพิ่มเติมได้อีกมากมาย
image
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากร่างกายให้เกิดเปนโคลน ที่ต้องการได้ในห้องปฏิบัติการ และยังสามารถปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อให้เกิดเป็นโคลนของเนื้อเยื่อเป้าหมาย โดยการปลูกถ่ายเข้าไปในสัตว์ทดลองได้อีกด้วย วิธีดังกล่าวเรียกว่า "repopulation" เทคนิหนึ่งที่ได้รับการพัฒนามาใช้เร็วๆ นี้ คือ นำไวรัสมาเป็นพาหะนำสเต็มเซลล์ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงตามที่ต้องการเข้าไปใน สัตว์ทดลอง พบว่าโคลนของเนื้อเยื่อที่เกิดจากสเต็มเซลล์จากร่างกายที่ได้ปลูกถ่ายเข้าไป นั้น ก่อให้เกิดกระบวนการเช่นเดียวกับในหลอดทดลอง นำมาซึ่งเทคนิกการบำบัดด้วยเซลล์ด้วยเทคนิคที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

พึงระลึกไว้เสมอว่า ลักษณะของสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดในร่างกายคนเรามีความพิเศษหลายประการ ในหลักการทั่วไปถือว่า สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดแตกต่างจากเซลล์ชนิดอื่นๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่มาจากแหล่งใด อาจจะเป็นสเต็มเซลล์จากตัวอ่อน สเต็มเซลล์จากร่างกาย หรือสเต็มเซลล์ที่ได้มาจากการสร้างเซลล์ให้เข้าคู่กับสารพันธุกรรมของคนไข้ ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการปฎิสนธิ

สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดทุกชนิดจะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญ 3 ประการ
  • ประการแรก คือ สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดสามารถแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เป็นเวลานาน
  • ประการที่สอง คือ สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดเป็นเซลล์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
  • ประการที่สาม คือ สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดมีความสามารถในการเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้
ที่มา: นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

บทความสุขภาพที่เีกี่ยวข้อง