กินอย่างไร...ป้องกันกรดไหลย้อน

แสบลิ้นปี่จังเลย ! อาการนี้เป็นกันมากขึ้นเรื่อย  ในหมู่คนทำงาน คำถามที่ตามมา คือ ฉันเป็นอะไรไปนะ ? 

นี่แหละ เขาเรียกว่า อาการกรดไหลย้อน? ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ ให้ข้อมูลว่า กรดไหลย้อนเกิดจากเอนไซม์และกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนผ่านหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหาร ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้จะทำงานโดยการบีบตัวหรือคลายตัว ป้องกันไม่ให้เกิดการ ไหลย้อน 

หากว่ามันคลายตัวผิดเวลาก็จะทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อน ออกมา นั่นจะทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ เป็นแผล และถ้าปล่อยทิ้งไว้ นาน  จะทำให้มีอาการระคายเคืองจากกระเพาะอาหารสู่ลำคอ รู้สึกเปรี้ยวในลำคอและขมในปาก นอกจากนี้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารจะถูกดันขึ้นสู่หลอดอาหารและหลอดลม อาจทำให้เกิดหอบหืด ไอเรื้อรัง ไซนัส ปอดบวม แน่นหน้าอก เสียงแหบ และหายใจขัด จะอันตรายอย่างยิ่ง ถ้ากรดทำลายเนื้อเยื่อส่วนของหูรูดและผนังของหลอดเลือดอาหารอย่างถาวร เพราะมันนำไปสู่โรคมะเร็งได้ 

สาเหตุของการเกิดกรดไหลย้อนมาจากหลายอย่าง เช่น โรคอ้วน ตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารมื้อใหญ่และ บ่อยเกินไป เอนหลังนอนหลังอาหาร เป็นต้น 

และอาหารบางชนิดทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ ได้แก่ 
- อาหารทอด อาหารไขมันสูง น้ำมัน 
- เปปเปอร์มินต์ สเปียร์มินต์ นมไขมันเต็ม ช็อกโกแลต อาหารประเภทครีม อาหารฟาสต์ฟู้ด 
- อาหารที่มีเครื่องเทศมากและรสจัด 

รวมทั้งพวกที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับ หลอดอาหารส่วนล่างที่เกิดการอักเสบ เช่น ส้มและน้ำส้ม สับปะรด มะเขือเทศ ชา-กาแฟทุกชนิด และน้ำอัดลม   

ส่วนการป้องกันอย่างอื่น เช่น ลดน้ำหนักไม่ให้อ้วน กินอาหารก่อนนอน 3 ชั่วโมงขึ้นไป 
การนอนก็เกี่ยวข้อง หากนอนดึกเกินไป นอน ไม่พอ หรือนอนมากเกินไป ก็เกิดกรดไหลย้อนได้ 
รวมทั้งไม่ใส่เสื้อผ้าคับรัดเอวมากเกินไป  เช่นเดียวกับควรหยุดบุหรี่ หรือยาสูบทุกชนิด เพราะนิโคตินทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารส่วนล่างอ่อนแอ  ถ้าไม่อยากจะทนทุกข์กับกรดไหลย้อน ก็ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับเรื่องกิน  ให้มากขึ้น

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

บทความสุขภาพที่เีกี่ยวข้อง