กำหนดการคลอดลูก

กำหนดคลอด ทุกวิธีไม่สามารถบอกวันที่ได้ตรงวันคลอดจริงๆ มีเพียงทารกในครรภ์เท่านั้นที่รู้วันเกิดของตัวเอง อาการเตือนก่อนคลอดและลักษณะการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก จะเป็นอาการบอกการคลอดที่จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์ หรือ 2 วัน รายละเอียดเรื่องนี้จะกล่าวถึงในบทต่อไปที่พูดถึงกระบวนการคลอด วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

แนวคิดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการคลอด
เป็นเรื่องของคู่สมรสที่ต้องเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง การคลอดมีหลากหลายวิธีที่ผู้คลอดมีสิทธิที่จะเลือกเพื่อความพึงพอใจของตนและคู่สมรส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกสถานที่คลอดและผู้ดูแล การคลอด ตามเป้าหมายที่ต้องการ นั่นคือคุณต้องรู้ความต้องการของตนเอง และความเป็นไปได้ตามหลักวิชาทางการแพทย์ที่จะเอื้ออำนวยและสถานที่ที่มีบริการดังกล่าว ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่คุณเลือก ฝากครรภ์และคลอด
คุณเป็นคนไข้ประเภทใด?
การที่จะเลือกแพทย์ผู้ดูแลได้ถูกใจคุณ คุณตอบตัวเองให้ได้ว่าคุณเป็นคนไข้ประเภทใด เช่น คุณเป็นคนไข้ที่มอบความไว้ใจและความศรัทธาทั้งหมดให้แพทย์ผู้ดูแล เพราะคุณเชื่อว่าเขาร่ำเรียนมาทางนี้ย่อมตัดสินใจแทนคุณได้ดี หรือคุณรู้สึกปลอดภัยในสถานที่มีเครื่องมือทันสมัยที่จะให้บริการคุณ หรือคุณคาดว่าแพทย์ที่ดูแลคุณจะต้องเป็นผู้ที่เก่งกล้าสามารถและเปรื่องปราดในวิชาการ หรือคุณชอบแพทย์หัวโบราณที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และวิถีทางอนุรักษ์นิยม หรือตัวคุณเองเชื่อมั่นว่าร่างกายและสุขภาพของคุณเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคุณในการดูแล เป็นกิจกรรมส่วนตัวที่คุณต้องรับผิดชอบในการกระทำให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยแพทย์ผู้ดูแลจะมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยที่สุด หรือคุณคิดว่าแพทย์ผู้ชำนาญการทั้งหลายมีหน้าที่ในการบอกเล่าข้อมูลทั้งหมดให้คุณได้เลือกตามความชอบใจ หรือคุณต้องการให้แพทย์เปิดโอกาสให้คุณมีส่วนร่วมในการวางแผนการดูแลตัวคุณเองในฐานะผู้ร่วมรับผิดชอบ
การคลอดบุตร
การคลอดบุตร
คุณต้องการแพทย์ที่มีทั้งความชำนาญและความรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ให้คำแนะนำคุณเมื่อคุณสนใจที่จะ คลอดโดยวิธีทางธรรมชาติ และไม่ลังเลที่จะเสนอให้คุณผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้องในกรณีที่จำเป็น หรือแพทย์ผู้ปฏิเสธที่จะใช้เครื่องตรวจสอบหัวใจเด็กในขณะคลอด แต่เขาให้การดูแลที่เฝ้าระมัดระวังอย่างละเอียดถี่ถ้วนในชีวิตของแม่และทารกในครรภ์ โดยไม่คำนึงถึงความพอใจของผู้คลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าแพทย์จะเป็นแบบใด สิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณคือความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณและแพทย์ผู้ดูแล ความเข้าอกเข้าใจและสอดประสานกันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
และไม่ว่าคุณจะเป็นคนไข้ประเภทใด ถ้าคุณเชื่อว่าสามีเป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนในงานนี้เท่ากับคุณ คุณควรจะแจ้งความประสงค์นี้ให้แพทย์ผู้ดูแลคุณทราบ และสามีคุณควรจะได้รับการเชื้อเชิญให้พบปะกับแพทย์ผู้ดูแลตั้งแต่การนัดพบครั้งแรกของคุณ และทุกครั้งที่มีการตรวจ สามีควรจะได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดพร้อมๆกับคุณ และเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดตัดสินใจเลือก รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการคลอดที่จะเกิดขึ้นด้วย
สูติแพทย์ พยาบาล ผดุงครรภ์ หรือแพทย์ประจำครอบครัว
บุคคล…ทั้ง 3 ประเภท คือ บุคคลที่ท่านต้องเลือกในการฝากครรภ์และให้เป็นผู้รับผิดชอบ การตั้งครรภ์ ของท่าน ท่านจะเลือกใคร อย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของท่านเป็นหลัก ในที่นี้จะกล่าวถึงบทบาทและขอบเขตความรับผิดชอบของบุคคลในแต่ละประเภทเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาของท่าน ดังนี้
สูติแพทย์
ถ้า การตั้งครรภ์ ของคุณมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติหรือโรคแทรกซ้อน คุณจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากสูติแพทย์ เพื่อการดูแลที่เหมาะสมปลอดภัย ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึง การคลอด และหลังคลอด และในบางกรณีคุณต้องการการดูแลจากสูติแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะสาขา เพิ่มเติมจากสูติแพทย์ทั่วไป
แต่โดยทั่วไปหญิงตั้งครรภ์นิยมที่จะเลือกให้สูติแพทย์ดูแล การตั้งครรภ์และทำคลอด แม้ว่าจะไม่มีภาวะเสี่ยงแต่อย่างใด
แพทย์ประจำครอบครัว
เป็นแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพของคุณมาตลอด และโดยทั่วไปการตั้งครรภ์และ การคลอด ปกติ มักจะมีวิถีทางโดยธรรมชาติที่ไม่ยุ่งยากนัก แพทย์ที่จบหลักสูตรแพทย์ปริญญาสามารถทำคลอดได้ ดังนั้น คุณสามารถเลือกให้แพทย์ประจำตัวคุณเป็นผู้ดูแลการตั้งครรภ์ ตลอดจนทำคลอดให้คุณได้เช่นกัน
พยาบาล-ผดุงครรภ์
ถ้าคุณต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด และปราศจากช่องว่างระหว่างแพทย์และคนไข้ พยาบาลผดุงครรภ์คือผู้ที่เหมาะสมในการดูแลคุณในขณะตั้งครรภ์และคลอดเธอมีเวลามากพอที่จะพูดคุยกับคุณ ตอบคำถามที่คุณสงสัยได้ในเวลานานๆ ช่วยคุณได้มากในการคลอดตามธรรมชาติ แต่มีข้อจำกัดคือพยาบาล-ผดุงครรภ์จะสามารถดูแลคุณได้เฉพาะกรณีที่การตั้งครรภ์ปกติ หรืออยู่ในกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงเพียงเล็กน้อย และข้อดีของพยาบาลผดุงครรภ์คือ คุณจะมีความรู้สึกของการได้รับการยอมรับสูงกว่าที่ได้รับจากแพทย์ และมีความใกล้ชิดกับผู้ดูแลมากกว่า
ชนิดของบริการการฝากครรภ์และการคลอด
นอกจากบุคลากรผู้ดูแล การตั้งครรภ์และการคลอด คุณจะต้องพิจารณาถึงชนิดของการคลอด บริการที่คุณสามารถเลือกได้โดยพิจารณาจากข้อดีข้อเสียของแต่ละชนิดบริการดังนี้
บริการที่รับผิดชอบโดยแพทย์เพียงผู้เดียว
ลักษณะบริการเช่นนี้สูติแพทย์หรือแพทย์ประจำครอบครัวจะทำงานคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมงาน ดุจดังศิลปินเดี่ยว จะมีผู้ทำงานแทนต่อเมื่อได้รับการมอบหมายเป็นกรณี ซึ่งเป็นระบบแพทย์เจ้าของไข้ที่พบเห็นโดยทั่วไป
ข้อดีของบริการชนิดนี้คือท่านจะได้พบแพทย์คนเดิมตลอดเวลาของ การฝากครรภ์ ทำให้เกิดความคุ้นเคย และสะดวกใจในการดูแลระหว่างการคลอด
ข้อเสีย ถ้าเกิดแพทย์ผู้ดูแลติดธุระหรือไม่สามารถมาดูแลคุณได้ โดยเฉพาะในการคลอดคุณก็จะได้แพทย์ผู้อื่นที่ไม่คุ้นเคยมาทำคลอดให้ และข้อเสียอีกประการหนึ่งคือ ในบางรายพบว่ามีความไม่สอดคล้องกันในความคิดเห็นระหว่างแพทย์และคุณ ซึ่งอาจจะต้องเปลี่ยนแพทย์ผู้ดูแลคนใหม่แทน ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาเพิ่มขึ้น
บริการโดยทีมการแพทย์
ลักษณะบริการเช่นนี้จะมีแพทย์ 2-3 คน ที่รวมกลุ่มกันทำงาน โดยที่ทุกคนจะมีคุณภาพที่เท่าเทียมกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้บริการ

การคลอดลูกโดยการผ่าตัดคลอด

การผ่าตัดคลอด ในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์มีความพอใจกับการทำผ่าตัดคลอดมากกว่าการคลอดตามธรรมชาติ จากการไม่เจ็บปวดขณะคลอด กำหนดเวลาคลอดที่แน่นอนได้ นอกจากนี้การที่เทคในโลยีทางการแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัดคลอดพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นและทำได้ง่ายขึ้น วันนี้เราจะมาบอกวิธีการผ่าคลอดมาให้ทราบกันค่ะ

การผ่าตัดคลอดคืออะไรและทำไมต้องใช้วิธีนี้
เมื่อแพทย์มีความเห็นว่า การคลอด ด้วยวิธีการปกติจะทำให้คุณแม่หรือลูกน้อยมีความเสี่ยงมากเกินไป แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดคลอด ทั้งนี้สาเหตุที่แพทย์แนะนำให้ใช้วิธี การผ่าตัดคลอด อาจสืบเนื่องมาจาก
1. ภาวะรกเกาะต่ำ เมื่อรกเกาะต่ำหรือขวางทางออกของลูกน้อย
2. คุณแม่ตั้งครรภ์แฝดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
3. ลูกน้อยตัวใหญ่เกินกว่าที่จะคลอดผ่านกระดูกเชิงกราน
4. คุณแม่มีความดันโลหิตสูงชนิดรุนแรงหรือมีความเจ็บป่วยอื่น เช่น ครรภ์เป็นพิษ
5. สุขภาพของลูกน้อยเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องนำเด็กออกจากครรภ์โดยเร็ว
6. ลูกน้อยเอาก้นลง
7. มีภาวะสายสะดือย้อย คือเมื่อสายสะดือพลัดต่ำ ทำให้ไม่สามารถคลอดลูกน้อยออกมาได้โดยง่าย คุณแม่เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งสามารถติดต่อสู่ลูกน้อยผ่าน การคลอด ทางช่องคลอด
ขั้นตอนที่เกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดคลอด
การผ่าตัดคลอด
การผ่าตัดคลอด
ขั้นตอนใน การผ่าตัดคลอด จะเริ่มจากพูดคุยกับวิสัญญีแพทย์ ซึ่งจะซักประวัติการเจ็บป่วยและโรคประจำตัว รวมทั้งตอบคำถามต่างๆ ที่คุณแม่สงสัย แพทย์จะเจาะตัวอย่างเลือดและให้คุณลงชื่อในหนังสือแสดงความยินยอม แพทย์จะให้ยาลดกรดในกระเพาะอาหารเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดในกระเพาะอาหารให้เป็นกลางและต่อสายน้ำเกลือเข้าหลอดเลือดดำที่แขน เพื่อที่แพทย์จะสามารถสังเกตระดับสารน้ำในร่างกาย และให้ยาแก้ปวดเพิ่มเติมได้ถ้าคุณแม่ต้องการ
การเตรียมการสำหรับการผ่าตัดคลอด
หลังจากนั้นวิสัญญีแพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ (การฉีดยาเข้าช่องเหนือช่องน้ำไขสันหลังหรือการฉีดยาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง) และ ​ ใส่ ​ สายสวนไว้ ​ ใน ​ กระ ​ เพาะปัสสาวะ ​ เพื่อระบายปัสสาวะ (ซึ่งจะทิ้งไว้ประมาณ 12-24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด) ​ อาจต้องโกนขนบริ ​ เวณหัวหน่าวเพื่อเตรียมรับการผ่าตัด
การผ่าตัดคลอดทำอย่างไร
เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มลงมือผ่าตัดด้วยการผ่าเปิดหน้าท้องเพื่อให้สามารถมองเห็นลูกน้อยที่อยู่ในถุงน้ำคร่ำ และนำลูกน้อยออกจากถุงน้ำคร่ำสู่อ้อมอกของคุณแม่ การผ่าตัดจะเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็วโดยที่คุณแม่จะรู้สึกถึงแรงกดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากคุณไม่ได้รับการดมยาสลบหรือไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อนขณะคลอดสามารถอยู่กับคุณแม่ได้ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสิ้นการผ่าตัด
ขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากลูกน้อยลืมตาดูโลก
แพทย์จะนำทารกไปไว้ใน “ตู้อบ” ซึ่งเป็นเตียงที่อบอุ่นขนาดเล็ก เพื่อให้กุมารแพทย์ทำการตรวจร่างกายลูก เมื่อกุมารแพทย์พบว่าลูกของคุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง แพทย์จะห่อตัวลูกด้วยผ้าห่มและส่งให้คุณแม่หรือคุณพ่ออุ้ม เด็กแรกเกิดส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรงดี และคุณแม่จะมีโอกาสได้อุ้มลูกสักพักหลังจากที่ลูกลืมตาดูโลก
เมื่อนำรกออกจากครรภ์จนหมดแล้ว ศัลยแพทย์จะเย็บปิดมดลูกและหน้าท้องของคุณแม่ด้วยรอยเย็บที่ปราณีต ขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาคุณแม่กลับไปยังหอผู้ป่วยสูติกรรม ซึ่งสูติแพทย์จะช่วยสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ให้แก่คุณ
การฟื้นตัวจากการผ่าตัดคลอด
โดยส่วนใหญ่ คุณแม่จะฟื้นตัวได้ภายใน 24 ชั่วโมง และออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 5 วัน แต่ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์เพื่อให้รอยแผลจากการผ่าตัดคลอดหายดี ดังนั้น คุณแม่จะต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษเมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้านเพื่อที่จะได้พักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับลูกน้อยได้อย่างเต็มที่
จำไว้ว่า ถึงแม้ว่าครั้งนี้คุณแม่จะคลอดลูกด้วย การผ่าตัดคลอด ก็ตาม แต่ในการคลอดลูกครั้งต่อไป ไม่จำเป็นต้องใช้ การผ่าตัดคลอด อีกเสมอไป ประมาณร้อยละ 70 ของผู้หญิงที่เคยคลอดลูกด้วยการผ่าตัดคลอด สามารถคลอดปกติได้สำเร็จ
หากคุณแม่รู้สึกเจ็บตึงบริเวณแผลผ่าตัดมาก หรือสงสัยว่าอาจมีการอักเสบหรือติดเชื้อ ควรรีบไปพบสูติแพทย์ทันทีค่ะ

สารสกัดจากขมิ้นชัน


ขมิ้นชัน มีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ ดังนี้ ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกัน ทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกาย วันนี้เราจึงมาแนะนำสารสกัดที่สกัดจากขมิ้นชันมาฝากทุกท่านค่ะ
สารสกัดจากขมิ้นชัน
สารสกัดจากขมิ้นชัน
สารสกัดจากขมิ้นชัน
ชนิดบริสุทธิ์เข้มข้น (Turmeric Extract ) สารที่อยู่ในขมิ้นชันประกอบด้วยสารสำคัญประเภท เคอร์คูมินอยด์ (curcuminoid ) เป็นสารสีเหลือง ประกอบด้วยเคอร์คูมิน ( curcumin ) , เดสเมทอกซีเคอร์คูมิน ( demethoxycurcumin ) และบิสเดส เมทอกซีเคอร์คูมิน (bisdemethoxycurcumin2 ) และน้ำมันหอมระเหย มีสีเหลืองอ่อน นอกจากนี้ ยังมีสารกลุ่มอื่น ๆ อีกหลายชนิด สารCurcuminoid ในขมิ้นชันมีคุณสมบัติเป็น antioxidant ที่ดีมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 8 เท่า จึงป้องกันการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิผลในการรักษาสิว ทั้งสิวอักเสบและสิวไม่อักเสบ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้อย่างดีเยี่ยม โดยสิวจะยุบตัวลงและหายอย่างรวดเร็ว สามารถลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์ผิว และลดขนาด ความเข้ม ของรอยแผล จุดด่างดำให้จางลงได้เป็นอย่างดี และช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้นุ่มนวลขาวเนียนใส เปล่งปลั่ง แลดูมีน้ำมีนวล
ข้อแนะนำ
โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ ผิวจะแห้ง หยาบกร้าน และหมองคล้ำ สารสกัดจากขมิ้นชันสามารถช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ผิว ช่วยขับและสลายสารพิษที่ไม่ดีในชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
ส่วนประกอบสำคัญ : Turmeric Extract
วิธีใช้
- ผสมลงในครีมบำรุง , เจล , ซีรั่ม , โทเนอร์ ประมาณเหรียญห้าสิบสตางค์ สารสกัดปริมาณ 1-2 หยด คนให้เข้ากันดี จึงทาผิวหน้าและลำคอ เช้า-เย็น
- ถ้าผสมสารสกัดขมิ้นชัน ปริมาณ 10 ml. ลงในครีมบำรุงผิว , โลชั่น หรือ โทเนอร์ ปริมาณ 100 ml. จะได้ ครีมบำรุงผิว / โทเนอร์สารสกัดขมิ้นชันที่มีความเข้มข้นสูง ใช้ทาบำรุงผิวหน้า หรือผิวกาย เช้า-เย็น เพื่อผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ลดสิว ลดรอยคล้ำด่างดำและต้านอนุมูลอิสระ
ข้อควรระวัง
- ควรทดสอบอาการแพ้และอาการระคายเคืองก่อนใช้เพราะสภาพผิวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน โดยทาผิวบริเวณท้องแขนทิ้งไว้ 24 ชม.เป็นอย่างน้อย หากไม่เกิดอาการระคายเคืองก็สามารถนำไปใช้ทาผิวหน้าได้
- ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

มะนาว สมุนไพร ยาขับเสมหะ แก้ไอ


ถ้าเอ่ยชื่อ มะนาว ออกมา แล้วมีคนบอกว่าไม่รู้จัก เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า มะนาว เป็นสมุนไพร และพืชผักสวนครัวที่มีแทบทุกบ้าน นอกจากนั้นมะนาวยังมีชื่อเรียกอีกสองชื่อคือ ส้มมะนาว และมะลิว มะนาวมีรสชาติเปรี้ยวจี๊ด คนส่วนใหญ่จึงนำมะนาวไปปรุงอาหาร หรือทำเครื่องดื่มเพื่อความชุ่มคอ ส่วนสรรพคุณของมะนาวนั้นก็ยังมีอีกหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งวันนี้ มีความรู้ดีดีเกี่ยวกับ มะนาว มาแนะนำกันค่ะ

ส่วนที่ใช้ : น้ำมะนาว (น้ำคั้นจากผล) ราก ใบ ดอก ผล เมล็ด
สรรพคุณ : มะนาว
น้ำมะนาว – แก้โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ทำอาหาร ขับเสมหะ ฟอกโลหิต ทำให้ผิวนุ่มนวล แก้ซาง บำรุงเสียง บำรุงโลหิต ขับระดู แก้เล็บขบ แก้ขาลาย จิบแก้ไอ ดับกลิ่นเหล้า ฆ่าพยาธิในท้อง รักษาผม ขับลม รักษาลมพิษ แก้ริดสีดวง แก้ระดูขาว แก้พิษยางน่อง แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
รากมะนาว – กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษสำแดง แก้สติหลงลืม แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ ถอนพิษไข้ กลับไข้ซ้ำ
ใบมะนาว – ฟอกโลหิต แก้ตับทรุด
ดอกมะนาว – แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ ) แก้ไอ ขับเสมหะ
ผลมะนาว - แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง ทาแก้ผิวแห้งตกสะเก็ด แก้สิวฝ้า แก้ส้นเท้าแตก แก้ไอ รักษาแผลจากแมลงมีพิษ
เมล็ดมะนาว – แก้พิษตานซาง แก้หายใจขัด แก้ไข้ขับเสมหะ แก้พิษฝีภายใน
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
มะนาว
มะนาว
ยาแก้ไอขับเสมหะ
น้ำในผลที่โตเต็มที่ น้ำมะนาว 2-3 ช้อนแกง, เมล็ดมะนาว 10-20 เมล็ด นำน้ำมะนาวเติมเกลือเล็กน้อย จิบ จะช่วยทำให้เสมหะถูกขับออก และเสียงดี ถ้าเป็นเมล็ด มะนาวนำไปคั่วให้เหลือง บดให้ละเอียด เติมพิมเสน 2-5 เกล็ด ชงน้ำร้อนรับประทาน เป็นยาขับเสมหะ
ยาป้องกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด)
ใช้น้ำจากผลที่แก่จัดไม่จำกัด เติมเกลือ น้ำตาล น้ำแข็ง ใช้เป็นเครื่องดื่ม หรือจะใส่ในอาหาร ก็ได้ผลเช่นกัน
ยาห้ามเลือด ใส่แผลสด
ใช้น้ำจากผล ครึ่งช้อนชา หรือ 1/4 ช้อนแกง แผลถูกมีดบาด เลือดไม่หยุด บีบน้ำมะนาวลงไป 3-4 หยด เลือดจะหยุด
สารเคมี :
ใบ มี Alcohols, Aldehydes, Elements, Terpenoids, Citral
ผล มี 1 – Alanine, γ – Amino butyric acid, 1 – Glutamic acid
เมล็ด มี Glyceride Oil
น้ำมันหอมระเหย มี P – Dimethyl – a – Styrene, Terpinolene

ประโยชน์ของมะกรูด สมุนไพร ยาขับเสมหะ แก้ไอ


มะกรูด เป็นสมุนไพรที่นับว่ามีประโยชน์มากมายเลยที่เดียว ไม่ว่าจะสามารถนำผลไปสระผมเพื่อขจัดรังแคได้แล้ว ยังมีสรรพคุณอื่นๆอีกเยอะแยะเลยนะคะ นอกจากนั้น มะกรูด ยังมีชื่อเรียกอื่นๆอีกคือ มะขุน มะขูด มะขู ส้มกรูด และส้มมั่วผี และวันนี้เรา ได้นำความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร มะกรูด มาฝากกันค่ะ

ส่วนที่ใช้ : ราก ใบ ผล ผิวจากผล
สรรพคุณ : มะกรูด
รากมะกรูด – กระทุ้งพิษ แก้ฝีภายในและแก้เสมหะเป็นพิษ
ใบมะกรูด - มีน้ำมันหอมระเหย
ผลมะกรูด, น้ำคั้นจากผลมะกรูด – ใช้แต่งกลิ่น สระผมรักษาชันนะตุ รังแค ทำให้ผมสะอาด
ผิวจากผลมะกรูด
มะกรูด
มะกรูด
- ปรุงเป็นยาขับลมในลำไส้ แก้แน่น
- เป็นยาบำรุงหัวใจ
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้เสมหะ
ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนแกง เติมการบูร หรือ พิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1 ถึง 2 ครั้ง แต่ถ้ายังไม่ค่อยทุเลา จะรับประทานติดต่อกัน 2-3 สะรก็ได้

ใช้สระผมทำให้ผมสะอาดชุ่มชื้น เป็นเงางาม ดกดำ ผมลื่นด้วย
โดยผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดสระซ้ำ ใช้มะกรูดยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรด จะทำให้ผมสะอาด แล้วล้างผมให้สมุนไพรออกไปให้หมด หรือใช้มะกรูดเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม จะรักษาชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดเป็นมัน

บทความสุขภาพที่เีกี่ยวข้อง