คุณค่าอาหาร เพื่อเสริมสร้างมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการลูกน้อยในครรภ์
อายุครรภ์ | อาหารและสารอาหารที่เหมาะสม |
เดือนที่ 1 | -ดื่มน้ำผลไม้สด หรือนมวันละ 1 แก้ว แต่หากแพ้ท้องมากควรงดนมไว้ก่อน -รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโฟเลต และอาหารประเภทปลาทะเลที่มีดีเอชเอ เช่น ปลาทูน่า หรือน้ำมันสกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล ที่จะส่งผลดีต่อระบบการทำงานของเซลล์สมองลูกน้อยในครรภ์ |
เดือนที่ 2 | - คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ จึงควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย มีโปรตีนสูง เช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก -ควรรับประทานผลไม้สด เป็นอาหารว่าง |
เดือนที่ 3 | คุณแม่บางท่านอาจเริ่มมีอาการท้องผูก จึงควรดื่มน้ำให้มากหรือรับประทานผักผลไม้มาก ๆ เพ่อช่วยเพิ่มเส้นใยที่จะช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้น |
เดือนที่ 4 | ทารกในครรภ์เริ่มมีการสร้างกระดูกและฟัน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว ควรเน้นอาหารประเภทโปรตีน และธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในตับ ไข่แดง นม ใบตำลึง ใบขี้เหล็ก ฯลฯ |
เดือนที่ 5 | เพราะสมองและระบบประสาทของลูกน้อยยังเจริญเติบโต คุณแม่ควรรับประทานสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย ได้แก่ ดีเอชเอ โฟเลต สังกะสี และวิตามินบี 12 แหล่งอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารพัฒนาสมอง เช่น นม ไข่ เนื้อปลา อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ เมล็ดทานตะวัน ฯลฯ |
เดือนที่ 6 | คุณแม่อาจจะเป็นตะคริวบ่อยครั้งในช่วงนี้ ควรดื่มน้ำให้มาก รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินสูง เช่น ข้าวซ้อมมือ ผักใบเขียว ไข่ นม ถั่วลิสง หรือเครื่องในสัตว์ |
เดือนที่ 7 | ช่วงนี้คุณแส่จะต้องการพลังงานจากสารอาหารมาขึ้น คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นม ไข่ เนื้อปลา ปลาเล็กปลาน้อย ผัก และผลไม้ เพื่อสะสมสารอาหารที่จำเป็นไว้สำหรับเตรียมให้น้ำนมกับลูกหลังคลอด |
เดือนที่ 8 | เริ่มมีการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง และจะมีการสร้างต่อไปอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังคลอด คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารพัฒนาสมอง เช่น นม ไข่ เนื้อปลา อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ใบเขียว เนื้อสัตว์ เมล็ดทานตะวัน ฯลฯ |
เดือนที่ 9 | คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นแคลเซียมเพื่อใช้ในการสร้างน้ำนมให้เพียงพอหลังคลอด และควรรับประทานธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง งา ฯลฯ ให้มาก เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตที่จะต้องสูญเสียในขณะคลอด |
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น